AN UNBIASED VIEW OF วิกฤตคนจน

An Unbiased View of วิกฤตคนจน

An Unbiased View of วิกฤตคนจน

Blog Article

หลังจากมีข่าวออกมาว่ารัฐบาลจะปรับลดงบประมาณในนโยบายดิจิทัลด้วยการเจาะจงช่วยเหลือกลุ่มบุคคลยากจนหรือผู้ที่มีรายได้น้อยเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ถกเถียงกันในไทยก็คือระดับรายได้ของคนที่เรียกได้ว่า ‘ยากจน’ ในไทยว่าต้องมีรายได้หรือใช้ชีวิตแบบไหนถึงเรียกได้ว่าเป็นคนจนที่ควรได้รับความช่วยเหลือ

ประการที่สาม ช่องว่างระหว่างสิ่งที่ภาคเอกชนควรทำ แต่ไม่ได้ทำ กล่าวคือ การขยายตัวของธุรกิจในประเทศไทยกระทำผ่านการควบรวมซื้อกิจการที่ไม่ได้เป็นการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ดังนั้น เศรษฐกิจไทยจึงมีกำลังการผลิตเท่าเดิม เพียงแต่เปลี่ยนเจ้าของเท่านั้น จึงไม่มีนวัตกรรมหรือสินค้าใหม่ๆ ที่จะแข่งขันกับตลาดโลกในอนาคตได้

ทีดีอาร์ไอ ยังเสนอให้รัฐบาลใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหาความยากจนและให้สวัสดิการแบบมุ่งเป้า เช่นตัวย่างในประเทศจีนที่ใช้ฐานข้อมูลคนจนหรือผู้สมควรได้รับสวัสดิการระดับพื้นที่ที่ถูกต้องตามหลักสถิติ ซึ่งแม่นยำกว่าการใช้แนวทางให้คนจนมาแจ้งว่าตัวเองจน นอกจากนี้ รัฐบาลอาจพัฒนาเครื่องมือที่เรียกว่า "แผนที่ความยากจน" ต่อยอดจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเคยจัดทำมาเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการกระจายงบประมาณได้

แม้ภาพรวมครัวเรือนรายได้น้อยจะมีรายจ่ายเพื่อการบริโภคลดลง แต่ค่าใช้จ่ายจำเป็นเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะด้านเวชภัณฑ์ และการตรวจรักษาพยาบาล เนื่องจากต้องป้องกันตนเองในช่วงการแพร่ระบาด อีกทั้ง ยังมีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา อาทิ อุปกรณ์การเรียน ค่าเล่าเรียน ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าครัวเรือนรายได้สูงด้วย เนื่องจากครัวเรือนรายได้น้อยจำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เพื่อให้เด็กสามารถเรียนออนไลน์ได้ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และการสื่อสาร ยังพบว่ากลุ่มครัวเรือนผู้มีรายได้น้อย มีค่าใช้จ่ายในด้านนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากลักษณะการประกอบอาชีพของวัยแรงงานที่ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำางานจากที่บ้านได้ ซึ่งแตกต่างจากครัวเรือนรายได้สูง รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสารต่าง ๆ ที่จำเป็น เช่น ค่าใช้บริการโทรศัพท์ ค่าบริการอินเทอร์เน็ต เป็นต้น



เพราะ ‘ความจริง’ เป็นจำนวนมากในสังคมไทย ไม่ต้องใช้ดาวเทียมส่องดู ก็รู้ว่าแย่แค่ไหน

นอกจากนี้ยังควรใช้วิธีดึงฐานข้อมูลอื่น ๆ เช่น ฐานข้อมูลผู้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ฐานข้อมูลคนพิการ คนสูงอายุของกระทรวงพัฒนาสังคมเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ มาใช้ เพื่อมอบสิทธิให้กับผู้มีรายได้น้อยกลุ่มเปราะบางเหล่านี้ แม้พวกเขาจะไม่ได้มาลงทะเบียนก็ตาม

เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวและลูกน้อง แม้ว่าจะต้องแลกกับคำสบประมาทจากคนทั่วไปและคนที่รู้จักที่ต้องมาขายแซนด์วิชข้างถนนจนบางครั้งต้องถูกเทศกิจเข้ามาไล่ อย่างไรก็ตาม เขาอดทนจนทำให้จะประสบความสำเร็จจนสามารถปลดหนี้สิ้นพันล้านบาท รวมทั้งพ้นสภาพการเป็นบุคคลล้มละลายในที่สุด

The cookie is set with the GDPR Cookie Consent plugin which is accustomed to retail outlet if person has consented to using cookies. It doesn't store any personalized knowledge.

นโยบายรัฐบาลเพื่อ(คน)ไทย: ทิ้งทวน 'เศรษฐา' ส่งไม้ต่อให้ 'แพทองธาร'

ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่รัฐบาลได้ดำเนินการตลอดช่วงระยะเวลาของผลกระทบ เช่น โครงการเราไม่ทิ้งกัน

การ “ลดความอยากจน” ของชาวชนบท ถือเป็นการป้องกันไม่ให้มีสาเหตุที่จะนำไปสู่การสนับสนุนขบวนการคอมมิวนิสต์ เสริมสร้างความมั่นคงของประเทศชาติ เนื่องจากคอมมิวนิสต์ถูกนับว่าเป็นภัยของชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ฉะนั้น ความยากจนของผู้คนจึงเป็นกุญแจสำคัญหนึ่งในการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ จนถูกยกให้เป็น “สงครามความยากจนของราษฎร”

ในช่วงเริ่มต้นของการระบาด เมืองต่างๆ เช่น จาการ์ตา ใช้ข้อมูลการใช้มือถือวัดผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์ โดยการติดตามว่ามีประชาชนที่สามารถอยู่บ้านได้จริงๆ มากน้อยแค่ไหน และพวกเขาอยู่ในพื้นที่ไหน จากข้อมูลจะเห็นว่า วิกฤตคนจน คนจนอาจไม่สามารถอยู่บ้านได้จริงๆ เพราะต้องออกไปทำมาหากิน ข้อมูลนี้จึงช่วยสะท้อนความจำเป็นทางเศรษฐกิจและชี้เป้ากลุ่มเปราะบางในแต่ละพื้นที่ได้ ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นกำหนดพื้นที่ในการช่วยเหลือได้ดีขึ้น 

งานของเธอคือการนำยางรถจักรยานยนต์ใช้แล้วมาดึงให้ออกเป็นเส้นเล็ก ๆ มีความยาวต่อเนื่องกัน อุปกรณ์ทำงานมีเพียงโต๊ะเล็ก ๆ หนึ่งตัวซึ่งมีที่ยึดยางและใบมีดโกนปักไว้ตรงกลางโต๊ะ

Report this page